สวัสดีครับวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องการเตรียมตัวของน้องๆสำหรับการไปเรียนต่อต่างประเทศในทุกๆมิติและหลายๆแง่มุมให้น้องๆได้ทราบกัน เนื่องจากภาษาเป็นสิ่งจำเป็นมากขึ้นโดยที่เราปฎิเสธไม่ได้และการไปเรียนต่อต่างประเทศในปัจจุบันก็ไม่ได้ยุ่งยากเหมือนสมัยก่อนเพราะปัจจุบันที่บริษัทเอเย่นช่วยเหลือน้องๆมากมาย ซึ่ง We Love Study ก็เป็นอีกที่แห่งคอยให้การบริการน้องๆในด้านนี้ครับ
ผมขอบอกไว้ก่อนนะครับ ว่าคำแนะนำของผมอาจไม่สวยหรูในทุ่งลาเวนเดอร์นะครับ เพราะผมจะพูดในแบบที่จริงสุดๆไปเลยครับขอประทานอภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ข้อที่ 1 รู้ประเทศ และหลักสูตรที่เราสนใจ
ก่อนที่น้องๆจะเริ่มต้นไปเรียนต่างประเทศน้องๆควรมีข้อมูล และศึกษาเบื้องต้นในแต่ละประเทศที่น้องๆจะไป และแต่ละประเทศเหมาะกับการเรียนระดับชั้นไหน เช่น น้องๆในระดับมัธยมศึกษาที่ภาษายังไม่เก่ง และไม่ได้เรียนโรงเรียนอินเตอร์มาก่อนก็ควรเริ่มเรียนในประเทศที่มีความปลอดภัยสูงก่อน เพราะการไปอยู่ต่างประเทศตัวคนเดียวและยังใช้ภาษาไม่ได้เลยนั้นพี่ขอบอกเลยว่ามันจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี
สำหรับเรื่องหลักสูตรนั้นนักเรียนในระดับชั้นมัธยมมักจะไม่ค่อยประสบปัญหามากนักเพราะไม่มีความซับซ้อนอะไรมากน้องๆสามารถเดินไปหาเอเย่นให้เขาช่วยแนะนำได้เลย ถ้าน้องๆภาษาอ่อนมากการเรียนใน โรงเรียนภาษา ก่อนเริ่มเรียนมัธยมพี่ขอบอกเลยว่ามันช่วยได้มากๆๆๆ จริงๆครับ
แน่นอนการเรียนในสถาบันภาษานักเรียนระดับชั้นมัธยมอาจรู้สึกเสียเวลาและไม่ได้อะไร แต่จากประสบการณ์ตรงของพี่เอง การได้เข้าไปปรับพื้นฐานภาษาเพิ่มความมั่นใจเราได้มาก และเปอร์เซ็นคนที่เรียนภาษามาจะเข้าเรียนในชั้นได้ง่าย ทำให้มีคะแนนสอบได้ดีกว่านักเรียนที่เข้าโรงเรียนมัธยมเลย เพราะถ้าน้องไม่เคยผ่านการปรับพื้นฐานน้องจะต้องไปนั่งงงในชั้นเรียนอย่างแน่นอน
(นักเรียนหลายๆคนไม่จำเป็นต้องเรียนปรับพื้นฐานเลย จากใจเอเย่นเองก็อยากให้น้องๆทุกคนเริ่มเรียนในชั้นมัธยมทันที แต่บางครั้งที่พี่มองว่าน้องบางคนควรเรียนปรับพื้นฐาน ก็เพราะความหวังดีครับคำแนะนำทั้งหมดก็เพื่อตัวน้องเองครับ)
ข้อที่ 2 การเลือกโรงเรียน และสมัครเรียน
การเลือกโรงเรียนนั้นผมเห็นหลายๆคนหลงทางตรงจุดนี้ เพราะผู้ปกครองหลายคนเพ่งเล็งไปที่ โรงเรียนมีกิจกรรมมากน้อยแค่ไหน โรงเรียนไหนดูแลอย่างไร เนื้อหาหลักสูตรดีแค่ไหน โดยข้อมูลต่างๆที่ได้มาจากการรีวิวของนักเรียน และผู้ปกครองที่เคยส่งลูกไป และข้อมูลเหล่านี้มักจะได้มาจากในโลกอินเตอร์เน็ต ซึ่งผมเองอยากอธิบายในเรื่องนี้ให้เข้าใจอย่างละเอียดถึงสิ่งที่ควรวิเคราะห์ในการเลือกโรงเรียนให้กับนักเรียน
ก่อนอื่นผมขอกล่าวให้ทราบก่อนว่าในแต่ละประเทศก็มีมาตรฐานการศึกษของแต่ละประเทศที่ดีตามมาตรฐานของประเทศนั้นๆอยู่แล้ว ซึ่งตรงนี้เราได้เลือกไปแล้วในข้อที่ 1 นั่นเอง
สิ่งสำคัญในการเลือกโรงเรียน
ให้ดูว่าเขตโรงเรียนโดยรอบนั้นเป็นอย่างไร มีความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน มีกลุ่มคน ชนเผ่าใดอาศัยอยู่บ้าง เป็นเขตที่มีการโจรกรรมบ่อยแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศใหญ่ๆ เช่น อังกฤษ อเมริกา ตรงส่วนนี้สำคัญมากรวมถึงบางครั้ง เขตโดยรอบโรงเรียนเป็นเขตไชนาทาวน์ หรือเขตชาวอินเดียที่มักจะอยู่กันเป็นกลุ่ม การเลือกส่วนนี้สำคัญมากที่สุดโดยไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องอื่นๆเลยก็ว่าได้ แต่ถ้านักเรียนเป็นนักเรียนที่เรียนเก่งและต้องการเรียนในสถาบันชั้นนำก็สามารถเลือกเรียนในโรงเรียนที่เฉพาะเจาะจงได้ด้วยเช่นกัน ส่วนเรื่องอื่นๆ เช่น กิจกรรมนั้นมันเป็นมาตรฐานโรงเรียนอยู่แล้วครับ หรือการดูแลเอาใจใส่ ตรงนี้ผมยืนยันได้ว่าเขาเอาใจใส่เราอยู่แล้วแต่แบบที่ฝรั่งดูแลฝรั่งทั่วๆไปในโรงเรียน เขาจะไม่ตามใจเรามากนักถึงแม้ค่าเทอมเราจะเป็นล้านบาท แต่สำหรับฝรั่งแล้วมันคือโรงเรียนที่ต้องสั่งสอนทุกคนครับ (จริงๆแล้วเขาดูแลชาวเอเชียอย่างเราดีกว่าฝรั่งด้วยกันซะอีก แต่มันเป็นไปตามวัฒนธรรมเขาที่เขาจะไม่มาโอบอุ้มซะจนสบายเกินไปครับ มีพูดตรง พูดแรงบ้าง ครูกับนักเรียนย่อมไม่ถูกกันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว)
ผมขอฝากเรื่องระบบการดูแลนักเรียนชาวต่างชาติแบบเราไว้สักเล็กน้อย….
โรงเรียนในแต่ละโรงเรียนที่ผมได้สัมผัสมาก็มีระบบการดูแลเอาใจใส่นักเรียนต่างชาติแบบเราที่ดีเลยทีเดียวซึ่งการดูแลเอาใจใส่ตรงนี้ก็เป็นผลพวกมาจากการเลือกประเทศแล้ว แต่ก็ยังพบว่ายังมีนักเรียนที่ไม่พอใจระบบของโรงเรียนและออกมาแสดงความเห็นให้เราได้อ่านกันบ่อยครั้ง ซึ่งจริงๆแล้วผมมองว่า การไปเรียนต่างประเทศนั้นมีความเป็นอยู่ต่างจากเมืองไทย นักเรียนอาจไม่เคยสัมผัสประสบการณ์แบบนี้มาก่อนและนักเรียนที่ไปเรียนต่างประเทศก็มีลักษณะที่แตกต่างกัน บางคนมีการทักษะการเอาตัวรอดเก่งก็มักจะไม่ค่อยมีปัญหา บางคนเจอครูที่เข้มงวดต่างจากโรงเรียนที่เคยเรียนที่ไทยก็มีบ่นกัน ซึ่งตรงนี้แตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล ผมอยากให้น้องๆ และผู้ปกครองใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลอย่างรอบด้าน บางครั้งโรงเรียนที่คุณภาพดีมากแต่กลายเป็นนักเรียนที่ไปเรียนปรับตัวไม่ได้ และมาให้ข้อมูลเชิงลบ ตรงนี้ถ้าเราไม่มองให้ถี่ถ้วนจะทำให้เราเสียโอกาศกับสถาบันที่ดีและมีคุณภาพไปครับ
ส่วนการสมัครเรียนนั้นทางเอเย่นก็จะบริการให้เราเอง ซึ่งทาง We Love Study เป็นบริษัทที่ ไม่คิดค่าดำเนินการ ใดๆทั้งสิ้นซึ่งรับประกันได้เลยว่าถ้าสมัครด้วยตัวเอง หรือให้ทางเราสมัครให้นั้นค่าใช้จ่ายเท่ากันแน่นอน
ข้อที่ 3 บ้านพักแบบ Host Family หรือ Homestay Family
ทั้งสองอันนี้มีความหมายเดียวกันครับ โดยทางฝั่งอเมริกาเรียกว่า Host Family แต่ทางฝั่งอังกฤษเรียก Homestay Family ซึ่งก็คือบ้านพักแบบครอบครัวอุปถัมภ์นั่นเองครับ ตรงจุดนี้มักจะมีปัญหาบ่อยๆสำหรับผู้ปกครองที่กำลังหาข้อมูลให้น้องๆ และมักจะกังวลว่าบ้านจะเป็นอย่างไร จะดูแลอย่างไร ซึ่งตรงนี้ในแต่ละประเทศก็มีมาตรฐานที่ต่างกันครับ ผู้ปกครองอาจถามลักษณะคร่าวๆจากเอเย่นว่าเป็นอย่างไรซึ่งโดยส่วนมากประเทศ นิวซีแลนด์ อังกฤษ แคนนาดา ออสเตรเลีย มีการควบคุมครอบครัวเหล่านี้ทีดีมาก (แต่ถ้าเป็นอเมริกาต้องสอบถามให้ละเอียดนิดหน่อยเพราะบางครั้งครอบครัวเขาเป็นเสมือนห้องว่างให้เราเช่า และเราต้องดูแลตัวเองทั้งหมด)
แน่นอนครับตรงนี้มักเป็นจุดที่หลายๆคนมีคำถามมากที่สุด ผมบอกได้คำเดียวว่านักเรียนทุกๆคนต้องปรับตัวครับ มันจะไม่สะดวกสบายใจเหมือนอยู่บ้านเราเองแน่นอน ใครปรับตัวได้ดีก็สบายตัวไปครับ แต่ผมอยากให้ผู้ปกครองทุกคนทราบว่าเขาจะดูแลเราเสมือนสมาชิคในครอบครัวครับ ซึ่งแต่ละครอบครัวก็มีกฏ มีกติกา มีการอบรมเลี้ยงดูที่แตกต่างกันไป แต่ที่แน่ๆเป็นการอบรมเลี้ยงดูแบบชาวตะวันตกดังนั้นมันจึงมีบ้างที่เราจะไม่ชิน หรือไม่ชอบ ซึ่งตรงนี้ผมอยากให้น้องๆทุกคนทนให้ได้และปรับตัวในการอยู่ร่วมกันกับบ้านแต่ละหลังให้ได้ครับ หลายๆคนความอดทนต่ำและจะขอย้ายด้วยเหตุผลที่ไม่ค่อยมีน้ำหนักผมขอบอกว่ามันเป็นทางออกที่เราจะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยซึ่งผมเจอเคสแบบนี้เยอะมาก ซื่งบางทีทางโรงเรียนอาจไม่อนุมัติให้ย้ายนะครับต้องทุกท่าน
ที่โฮสแฟมิลี่มีกิจกรรมอะไรให้เราบ้างคะ? คำถามนี้ก็เป็นคำถามที่พบบ่อยครับ ผมก็จะตอบว่าถ้าบ้านที่น้องไปอยู่เขาเป็นคนชอบเที่ยวเขาก็จะพาเราไปด้วยครับ แต่ตรงนี้ไม่ได้จัดอยู่ในหน้าที่ของแฟมิลี่ที่จะต้องพาเราไปทำกิจกรรมนะครับ เนื่องจากผมมักจะได้รับการแจ้งมาว่าขอเปลี่ยนบ้านพักได้ไหมคะ เพราะบ้านนี้ไม่ค่อยพาไปทำกิจกรรมอะไรเลย…ตรงนี้ผมก็จนปัญญาครับเพราะตรงนี้ไม่ได้อยู่ในข้อตกลง ซึ่งเขาเองไม่ได้บกพร่องต่อหน้าที่ในเรื่องการดูแล อยากให้คิดเสมอว่าเราไปเรียนหนังสือและได้รับการดูแลเอาใจใส่แบบครอบครัว มีดุบ้าง บ่นบ้าง แต่เขาไม่ใช่ไกด์หรือผู้ที่จะคอยมาทำให้เราพบความรื่นเริ่งตลอดสุดสัปดาห์นะครับ
ข้อที่ 4 ขอวีซ่า และ เตรียมตัวเดินทาง
สำหรับข้อนี้ทางเอเย่นก็จะเป็นผู้ดูแลให้เราทั้งหมด ซึ่งก็จะทำให้เราสะดวกสบายยิ่งขึ้น เมื่อถึงจุดนี้ก็เป็นช่วงเตรียมใจให้พร้อม ไปกราบลาญาติผู้ใหญ่ เตรียมซื้อของเพื่อจัดกระเป๋าสำหรับวันเดินทางได้แล้วครับ
สุดท้ายนี้ขอให้น้องๆทุกคนได้รับประสบการณ์ที่ดีในต่างประเทศ ถึงแม้บางคนอาจได้รับประสบการณ์ที่ขมขื่นบ้าง แต่นั่นแหละครับที่เรียกว่าประสบการณ์ เด็กนักเรียนนอกทุกคนต้องคล่องและเก่งครับ นี่คือสิ่งที่เราต้องเจอเมื่อเราอยู่ในต่างประเทศ ถ้าเราคิดว่าไม่พร้อมที่จะเจอสิ่งเหล่านี้พี่ว่าอยู่เมืองไทยเถอะครับ เพราะชีวิตเมืองนอกไม่สบายเหมือนอยู่กับคุณพ่อคุณแม่แน่นอน อิอิ ~~ พี่วิลล์
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.