SSchool System ประเทศนิวซีแลนด์เป็นประเทศที่ถูกจัดว่ามีระบบการศึกษาที่ดีเป็นอันดับต้นๆของโลก โดยประเทศนิวซีแลนด์นั้นมีระบบการศึกษาที่ถูกกำกับโดย Ministry of Education โดยกำกับการดูแล และควบคุมคุณภาพการศึกษาผ่านองค์กรที่ทุกคนรู้จักกันในชื่อ NZQA (New Zealand Qualification Authority)
ประถมและมัธยมศึกษา
สำหรับนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นประถมจนถึงมัธยมศึกษา ทาง NZQA ได้จัดหลักสูตรการเรียนให้สอดคล้องกันทั้งประเทศ อีกทั้งยังกำหนดข้อสอบกลาง และระบบการวัดคะแนนของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา จึงทำให้มาตรฐานของโรงเรียนต่างๆในประเทศนิวซีแลนด์มีคุณภาพใกล้เคียงกันในแต่ละโรงเรียน
การศึกษาระดับสูง
สำหรับหลักสูตรการศึกษาระดับสูงนั้น บทบาทของทาง NZQA ก็จะคอยกำกับดูแลคุณภาพของแต่ละสถาบันให้ทุกสถาบันมีคุณภาพของนักเรียนที่ดีอย่างสม่ำเสมอโดยการจัดลำลับของสถานศึกษาในลำดับต่างๆ เช่น สถานศึกษาที่มีความร่วมมือของนักเรียน ทำให้สถาบันนั้นๆมีการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ การจัดลำดับนั้นจะเป็นที่รู้จักกันว่าการจัด Catagory โดยโรงเรียนที่มีคุณภพาดีเยี่ยมจะถูกจัดอันดับอยู่ใน Catagory 1 สถาบันที่อยู่ใน Catagory 1 เมื่อเราลงทะเบียนเรียน 14 สัปดาห์ขึ้นไปสามารถได้รับ Work right 20 ชม ต่อสัปดาห์ อันดับสองหรือ Catagory 2 รอการพิจจารณาเพิ่มเติม โดยโรงเรียนที่อยุ่ในอันดับ Catagory 2 ลงมาจะไม่ได้รับ Visa ที่สามารถทำงานได้ เว้นเสียแต่นักเรียนมีผล IELTS ไม่ต่ำกว่า 5.0 ประกอบการยื่นวีซ่า
NCEA National Certificate of Educational Achievement
ถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆก็คือระบบการตรวจวัดคุณภาพของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา หรือ วุฒิการศึกษามัธยมปลายของประเทศนิวซีแลนด์นั่นเอง โดยวุฒิการศึกษาของนิวซีแลนด์เป็นที่ยอมรับของสถาบันการศึกษาทั่วโลก นักเรียนที่จบมัธยมปลายเต็มหลักสูตรจากประเทศนิวซีแลนด์สารมาถสมัครเข้าเรียนในมหาลัยต่างๆได้ทั่วโลก
การเข้าเรียนในประเทศนิวซีแลนด์
สำหรับนักเรียนที่ต้องการเข้าเรียนในประเทศนิวซีแลนด์นั้นมีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก โดยทาง We Love Study จะเป็นผู้เตรียมเอกสารต่างๆให้กับผู้ปกครอง โดยที่ทางนิวซีแลนด์จะไม่ดูคะแนนต่างๆจากประเทศไทย การรับนักเรียนนั้นดูจากอายุเป็นสำคัญ (ใบบางโรงเรียนที่มีกฏระเบียบเข้มงวดอาจมีการสอบเพื่อวัดความสามารถ และสำหรับบางโรงเรียนอาจไม่พร้อมรับนักเรียนที่มีระดับความสามารถด้านภาษาในระดับเริ่มต้น) การรับนักเรียนโดยดูจากอายุเป็นสำคัญนั้นอาจทำให้ทางผู้ปกครองสับสน เนื่องจากตามอายุแล้วเมื่อเทียบกับเมืองไทยทางนิวซีแลนด์จะเร็วกว่าไทย ครึ่งปี เช่น นักเรียนที่อายุ 14 ปี อยู่ในเกณท์ มัธยม 3 ที่ประเทศไทย แต่สามารถเข้าเรียนใน Year 10 ที่นิวซีแลนด์ได้ (ทั้งนี้ทางโรงเรียนจะดูพร้อมกับระดับความสามารถด้านภาษา ถ้าเรายังไม่พร้อม ทางนิวซีแลนด์อาจให้เราเรียน Year ต่ำกว่าอายุจริง 1 ปี หรือเท่ากับที่เมืองไทย)
วิธีการเก็บคะแนนในระบบ NCEA
การเก็บคะแนนในระบบ NCEA นั้น นักเรียนจะเรียกกันติดปากว่าการเก็บเครดิต นั้นก็หมายถึงการทำคะแนนวัดระดับของเราให้ผ่านเกณท์มาตรฐานของระบบการศึกษาของเขานั่นเอง โดยการเก็บคะแนนนั้นมีด้วยกัน 2 แบบ ที่เรียกกันว่า Internal หรือ External เครดิตที่มเป็นเครดิตของ Internal จะถูกเก็บโดยโรงเรียน โดยอาจเป็นการสอบเก็บคะแนนหลังจบบทเรียน การส่งรายงาน หรือการทำงานโปรเจคส่งครู จำนวนเครดิตในแต่ละวิชานั้นไม่เท่ากันแล้วแต่วิชาที่ทาง NZQA ได้พิจารณาไว้ให้กับแต่ละสถาบัน ดังนั้นควรถามครูผู้สอน หรือ ครูห้อง International ให้ตรวจสอบจำนวนเครดิตในแต่ละวิชาไห้ได้ (ทาง We Love Study แนะนำให้น้องๆตั้งใจทำงานที่มอบหมายให้ดีที่สุดในแต่ละวิชา ถ้าทำเช่นนี้เราก็ไม่ต้องกังวลว่าวิชานี้มีเครดิตเต็มทั้งหมดกี่เครดิต เพราะเขาไม่ได้วัดผลจากจำนวนเครดิตทั้งหมด เขาวัดผมจากที่เราทำได้รวมทั้งหมดกี่เครดิตต่างหากจ๊ะ)
- การให้คะแนนของนิวซีแลนด์ และการวัดเกรด นิวซีแลนด์จะมีมาตรฐานการให้เกรดต่างจากไทยโดยการให้คะแนนจะเป็นการให้คะแนนระบบ Exellency เกณท์การวัดจะเป็น
ไม่ผ่าน = Not Achieved
ผ่าน = Achieved
ผ่านแบบดี = Merit
ผ่านแบบสมบูรณ์แบบ = Exellent
การใช้คะแนน NCEA เพื่อเข้ามหาลัย
การใช้ผลคะแนน NCEA เพื่อเข้าสู่ระดับมหาลัยนั้นทางเราขอแบ่งออกเป็น 2 กรณี
กรณีที่ 1
กรณีเข้ามหาลัยในต่างประเทศ นักเรียนที่เรียนจบ NCEA3 (Year 13) ในหลักสูตรของประเทศนิวซีแลนด์สามารถเป็นที่ยอมรับ และเข้าเรียนในมหาลัยได้ทุกประเทศทั่วโลกโดยนอกเหนือจากผล NCEA 3 นักเรียนอาจต้องใช้ผลวัดระดับภาษาอังกฤษเช่น IELTS TOEFL Paeson หรืออาจต้องใช้ผล SAT ประกอบด้วย ขึ้นอยู่กับเกณท์การรับสมัครของแต่ละประเทศ โดยในต่างประเทศจะเรียนมหาลัยเพียงแค่ 3 ปี นักเรียนที่ต้องการเข้ามหาลัยชื่อดังในต่างประเทศควรตั้งใจเก็บเครดิตชนิด Merit และ Exellent ให้เยอะๆ
การเข้ามหาลัยในนิวซีแลนด์
นอกจากเครดิตปรกติของ NCEA แล้ว เกณท์การเข้ามหาลัยในประเทศนิวซีแลนด์ยังต้องมีวิชาที่ทางมหาลัยรับรอง หรือเรียกว่า University Entrance Subject โดยเราต้องเรียนวิชาเหล่านี้หากต้องการเข้ามหาลัยในสาขาที่มหาลัยกำหนด เครดิตชนิดนี้เรียกกันว่า UE เครดิต โดยทางหมาลัยอาจต้องการผล Merit หรือ Exellent ของวิชาเหล่านี้
*** สำหรับนักเรียนที่ต้องการเข้ามหาลัยในต่างประเทศ แต่มีผลการเรียนไม่ดีนัก ขอแนะนำให้นักเรียนเลือกไปเรียน Foundation Program ตั้งแต่จบชั้น Year 12 ซึ่งจะมีความเสี่ยงน้อยกว่า และมีโอกาศเข้ามหาลัยชั้นนำสูงกว่าด้วย
กรณีที่ 2
กรณีเข้ามหาลัยในประเทศไทย เนื่องจากระบบการศึกษาในประเทศไทยนั้นมีลักษระคล้ายคลึงกับของประเทศอเมริกา โดยมีสูงสุดแค่ระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 ทางกระทรวศึกษาธิการ และองค์ภาคีมคณะมหาวิทยาลัยต่างๆจึงได้อนุโลมให้นักเรียนที่เรียนในระดับ NCEA 2 (Year12) นั้นสามารถเข้ามหาลัยได้เลย โดยต้องมีจำนวนเครดิตตรงตามที่กระทรวงกำหนดไหว้ ซึ่งแบ่งเป็น 2 เกณท์ให้นักเรียนได้ปฏิบัติ รายละเอียดของเงื่อนไขให้ปรึกษาทางทีมงานเพื่อให้คำอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับเกณท์ของกระทรวงอีกครั้ง
*** ในกรณีนักเรียนชั้นมัธยมศึกาปีที่ 6 จากประเทศไทยต้องการเข้ามหาลัยในต่างประเทศ
ในกรณีนี้เป็นกรณีตรงข้ามกัน ซึ่งต้องชี้แจงให้เข้าใจโดยละเอียดว่านักเรียนที่จบชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 ไม่สามารถเข้าเรียนมหาลัยในต่างประเทศได้ทันที นักเรียนจำเป็นต้องเรียนในหลักสูตรปรับพื้นฐานในประเทศนั้นๆ 1 ปี หรือเลือกเข้าเรียนในระบบ Diploma หรือ Community College (USA) อย่างต่ำ 1 ปี หรือนักเรียนต้องเข้าเรียนในชั้นปี 1ในมหาลัยโดยมีเกรดเฉลี่ยตามที่มหาลัยในต่างประเทศกำหนด
University Foundation Studies คืออะไร?
หลักสูตร Foundation คือหลักสูตรเทียบเท่าหลักสูตร Higi school ในต่างประเทศ เนื้อหาบางวิชาเป็นวิชาพื้นฐานของมหาลัยปี 1 ในประเทศไทย นักเรียนที่ต้องเรียน Foundation เพื่อที่จะเรียนต่อในมหาลัยในต่างประเทศคือ
- นักเรียนที่จบ มัธยมศึกษาปีที่ 6 จากเมืองไทย และต้องการเข้ามหาลัยต่างประเทศ
- นักเรียนที่อายุ 17 ปี แต่มีผลการเรียนไม่ถึงตามที่มหาลัยกำหนดไว้แต่มีความประสงค์จะเข้ามหาลัย
- นักเรียนที่เรียนไม่ผ่านในระดับชั้นมัธยมศึกษา ติด ร. ติด 0 บางวิชา
นักเรียนที่เรียนจบ Foundation สามารถใช้วุฒิเพื่อเข้ามหาลัยอื่นๆได้อีกด้วย (ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ถึงมหาลัยที่ต้องการก่อนเพื่อเลือก Foundation ให้ตรงกับมหาลัยนั้นๆ)
Diploma คืออะไร?
ระบบ Diploma หรือ อนุปริญญานั้นเป็นหลักสูตรที่ได้รับความนิยมสำหรับชาวต่างชาติอีกหลักสูตรหนึ่ง ซึ่งเนื้อหาการเรียน Diploma นั้นจะเป็นแบบเน้นการปฏิบัติมากกว่าหลักสูตรปริญา แต่เนื่องจากเป็นหลักสูตรอนุปริญาดังนั้นนักเรียนที่เรียนจบหลักสูตรนี้จึงต้องนำหลักสูตรไปเทียบวุฒิในมหาลัยเพื่อต่อยอดให้ได้รับประกาศณียบัตรระดับชั้นปริญาตรี เนื่องจากเป็นวุฒิที่ต่ำกว่าปริญญาตรี ดังนั้นหลักสูตรนี้จึงเป็นที่นิยมของนักเรียนไทยที่จบปริญาตรีจากที่ไทยมาแล้ว และต้องการประบสบการณ์ในสาขาวิชาอื่นๆนอกเหนือจากที่เรียน หรือนักเรียนที่ได้ผลการเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาไม่ค่อยดีนักและไม่สามารถเข้ามหาลัยหลักได้
ปล. สำหรับนักเรียนที่เพิ่งจบชั้นมัธยมศึกษาทางเราแนะนำให้เลือกเรียนในหลักสูตร Foundation เพื่อมีโอกาศในการเลือกมหาลัยได้มากขึ้น เว้นเสียแต่นักเรียนต้องการพื้นฐานและทักษะในการลงมือทำจริง
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าหากนักเรียนมีแผนการที่จะไปศึกษาต่อต่างประเทศนั้นควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คำแนะนำ เพื่อการเตรียมตัวอย่างใกล้ชิดล่วงหน้าเพื่อไม่ให้เสียโอกาศของตัวนักเรียนเอง และหากได้ผู้ดูแลที่สามารถวางแผนการเรียนให้กับนักเรียนอย่าง We Love Study นั้น จะทำให้นักเรียนและผู้ปกครองนั้นมั่นใจได้ว่าจะสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างที่ตั้งใจ